วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2550

















Un fleuve est un cours d'eau qui se jette dans la mer ou dans l'océan – ou, exceptionnellement, dans un désert, comme pour l'Okavango. Il se distingue d'une rivière, qui se jette dans un autre cours d'eau. Les fleuves ayant leur source proche de la côte maritime sont appelés fleuves côtiers.
Les trois plus longs fleuves au monde sont l'
Amazone avec 7 000 km[1], suivi par le Nil avec 6 700 km et finalement le Mississippi-Missouri avec 6 210 km.
L'
Amazone est aussi le fleuve qui possède, et de loin, le plus grand bassin versant (6 150 000 km²) et le plus grand débit (190 000 m³/s)[2].
En Europe, les plus grands fleuves sont la
Volga avec 3 700 km et le Danube avec 2 857 km (voir Delta du Danube).

วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2550



Politique internationale

Les débuts de la politique internationale de Nicolas Sarkozy sont marqués par un activisme important dans de nombreux domaines, ce qui est perçu comme une volonté d'incarner la « rupture » promise pendant la campagne. La nomination du socialiste Bernard Kouchner à la tête du ministère des Affaires étrangères est ainsi vue comme un symbole.

Nicolas Sarkozy avait durant sa campagne présidentielle[83], voulu que la France prenne la défense des femmes, et notamment celle d'Íngrid Betancourt otage des FARC en Colombie et des infirmières bulgares prisonnières en Libye.

Une action est engagée dans les premiers jours afin d’obtenir la libération d’Íngrid Betancourt. Le président colombien accède en partie aux demandes de Nicolas Sarkozy en libérant des prisonniers membres des FARC, dont l'une des figures du mouvement, Rodrigo Granda. Quelques semaines plus tard les FARC donnent des preuves de vie d’Íngrid Bétancourt, sans cependant envisager de la libérer[84].

Nicolas Sarkozy a finalisé la libération des infirmières et du médecin bulgares, sur laquelle la commission européenne a travaillé plusieurs années. Quelques jours avant leur libération Cécilia Sarkozy se rend sur place afin d'agir pour leur libération[85]. Le 24 juillet 2007, les infirmières bulgares sont libérées et transférées en Bulgarie à bord d'un avion de la République française[86]. Le même jour, le conseil municipal de la capitale bulgare, Sofia, décide d'accorder la citoyenneté d'honneur de la ville aux trois personnes considérées comme les principaux artisans de cette libération : Nicolas et Cécilia Sarkozy ainsi que la Commissaire européenne aux Affaires extérieures Benita Ferrero-Waldner[87].

Le 3 octobre 2007, Nicolas Sarkozy reçoit le primat russe Alexis II de Moscou, lors de la première visite d'un patriarche russe en France.[88

วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2550



Nous loyaux sujets de Votre Sa majesté

Offrons l’hommage d’une vénération profonde

Au Protecteur Suprê du Royaume.

Plus puissant des monarques, parangon des plus hautes vertus!

Sous votre loi bienveillante, nous tous, vos sujets,

Recevons protection et bonheur,

Prospêrite et paix

Et souhations aue Votre Majesté désire

Soit â lq fin exqucé.

Vive notre Roi!



ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย

เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วน

อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล

ด้วยไทยล้วนหมาย รักสามัคคี

ไทยนี้รับสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด

เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่

สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี

เถลิงประเทศชาติไทยทวี มีชัย ชโย

วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ประวัติวันคริสต์มาส
คำว่า คริสต์มาส ภาษาอังกฤษเขียนว่า Christmas ดังนั้นอย่าลืม "ต์" อยู่ที่คำว่า คริสต์ (Christ) ไม่ใช่คำว่า "มาส" (Mas) Christmas มาจากภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse แปลว่า บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า โดยพบคำนี้ครั้งแรกในเอกสารโบราณในปี ค.ศ.1038 ภายหลังแปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas ประวัติความเป็นมาของวันคริต์มาส ซึ่งเป็นวันเกิดของพระเยซูนั้น ตามหลักฐานในพระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในสมัยที่จักรพรรดิซีซ่าร์ ออกัสตัส แห่งโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยฝ่ายคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรียก็ขานรับนโยบาย อย่างไรก็ตามในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร ด้านนักประวัติศาสตร์วิเคราะห์ว่า เดิมทีวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนแห่งโรมัน กำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยเทพ โดยตั้งแต่ปีค.ศ.274 ชาวโรมันซึ่งส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้าฉลองวันนี้เสมือนว่า เป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะจักรพรรดิก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ แต่ชาวคริสต์ที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือคริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแทน หลังจากที่ชาวคริสต์ถูกควบคุมเสรีภาพทางศาสนาตั้งแต่ปีค.ศ.64-313 จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ปีค.ศ.330 ชาวคริสต์จึงเริ่มฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการและเปิดเผย สำหรับองค์ประกอบในงานฉลองวันคริสต์มาสมีความเป็นมาเช่นกัน เริ่มที่คำอวยพรว่า Merry Christmas สุขสันต์วันคริสต์มาส คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า สันติสุขและความสงบทางใจ จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรคนอื่น ขอให้เขาได้รับสันติสุข และความสงบทางใจ เนื่องในโอกาสเทศกาลคริสต์มาส ต่อมาคือ "เพลง" ที่ใช้เฉลิมฉลองทั้งจังหวะช้าและจังหวะสนุกสนาน ส่วนใหญ่แต่งในยุคพระราชินีวิกตอเรียแห่งอังกฤษ (ค.ศ.1840-1900) ปัจจุบันแพร่หลายไปทั่วโลกโดยแปลเป็นภาษาต่างๆ มากมาย สำหรับ "ซานตาคลอส" เซนต์นิโคลัสแห่งเมืองมีรา สมัยศตวรรษที่ 4 ได้รับการขนานนามให้เป็นซานตาคลอสคนแรก เพราะวันหนึ่งท่านปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านของเด็กหญิงยากจนคนหนึ่งแล้วทิ้งถุงเงินลงไปทางปล่องไฟ บังเอิญถุงเงินหล่นไปทางถุงเท้าที่เด็กหญิงแขวนตากไว้ข้างเตาผิงพอดี ปิดท้ายที่ต้นคริสต์มาส หรือต้นสนที่นำมาประดับประดาด้วยดวงไฟหลากสีสัน ต้องย้อนไปศตวรรษที่ 8 เมื่อเซนต์บอนิเฟส มิชชันนารีชาวอังกฤษที่เดินทางไปประกาศเรื่องพระเจ้าในเยอรมนี ได้ช่วยเด็กที่กำลังจะถูกฆ่าเป็นเครื่องสังเวยบูชาที่ใต้ต้นโอ๊ก โดยเมื่อโค่นต้นโอ๊กทิ้งก็ได้พบต้นสนเล็กๆ ต้นหนึ่งขึ้นอยู่โคนต้นโอ๊ก ท่านจึงขุดให้คนที่ร่วมพิธีกรรมเหล่านั้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของชีวิต และตั้งชื่อว่า ต้นกุมารพระคริสต์ ต่อมามาร์ติน ลูเธอร์ ผู้นำคริสตจักรชาวเยอรมัน ตัดต้นสนไปตั้งในบ้านในเดือนธันวาคม ปีค.ศ.1540 หลังจากนั้นในศตวรรษที่ 19 ต้นคริสต์มาสจึงเริ่มแพร่ไปสู่ประเทศอังกฤษและทั่วโลก

คริสต์มาส คือการฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้า เราเฉลิมฉลองกันในวันที่ 25 ธันวาคม คำว่า คริสต์มาส เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ Christmas ซึ่งมาจากภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse ที่แปลว่า บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า เพราะการร่วมพิธีมิสซา เป็นประเพณี สำคัญที่สุด ที่ชาวคริสต์ถือปฎิบัติกันในวันคริสต์มาส คำว่า Christes Maesse พบครั้งแรกในเอกสาร โบราณ เป็นภาษาอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1038 และคำนี้ก็แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas คำทักทายที่เราได้ฟังบ่อย ๆ ในเทศกาลนี้คือ Merry Christmas คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า สันติสุขและความสงบทางใจ เพราะฉะนั้น คำนี้จึงเป็นคำที่ใช้อวยพร คนอื่น ขอให้เขาได้รับสันติสุข และความสงบทางใจ เนื่องในโอกาสเทศกาลคริสต์มาส

วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2550

LES VÊTEMENTS



vêtir quelqu'un - dévêtir quelqu'un - se vêtir - se dévêtir - être vêtu (en noir...) , être bien (mal) vêtu
habiller quelqu'un - déshabiller quelqu'un - s'habiller - se déshabiller - être habillé (en noir...) ,
être bien (mal) habillé
fringuer quelqu'un - se fringuer (fam.)
être bien (mal) fringué (fam.)
mettre un vêtement
porter un vêtement


un vêtement sur mesure = เสื้อผ้าวัดตัวตัด
un vêtement prêt-à-porter = เสื้อผ้าสำเร็จรูป
un vêtement à la mode = เสื้อผ้าทันสมัย
un vêtement démodé = เสื้อผ้าล้าสมัย
un vêtement d'homme (de femme), (d'enfant) = เสื้อผ้าชาย (หญิง), (เด็ก)
un vêtement unisexe = เสื้อผ้าชายหญิง
un sous-vêtement = ชุดชั้นใน
un vêtement, un habit, un costume, une tenue = เสื้อผ้า, ชุด
une toilette, une toilette d'été = เสื้อผ้าสตรี
le linge (laver, repasser le linge) = (เสื้อ)ผ้า (ซัก, รีดเสื้อผ้า)
des fringues (fam.) = เสื้อผ้า



un anorak = เสื้อสกี
une blouse = เสื้อสตรี, ชุดใส่กันเปื้อน เช่นชุดพยาบาล
un blouson = เสื้อแจ็กเกต
des bas = ถุงน่อง, ถุงเท้ายาว
un bustier = ชุดสตรีแบบยกทรงไม่มีสาย
un bermuda = กางเกงขาสั้นแบบยาวถึงเข่า
un béret = หมวกเบเร่
un bonnet = หมวก(แบบไม่มีขอบ)
des bottes = รองเท้าบูต
des bottines = รองเท้าหุ้มข้อเท้า
des baskets = รองเท้ากีฬาแบบหุ้มข้อเท้า
une chemise = เสื้อเชิ๊ต
un chemisier = เสื้อเชิ๊ตสตรี
une chemise de nuit = ชุดนอนสตรี
une cravate = เนคไท
un costume (un costume de sport) = ชุด, ชุดสูท
un complet = ชุดสูท
un corsage = เสื้อสตรี
un collant = ถุงน่อง
une culotte = กางเกงขาสั้น, กางเกงในสตรี
des chaussures = รองเท้า
des chaussettes = ถุงเท้า
une casquette = หมวกแก๊ป
une écharpe = ผ้าพันคอ
un foulard = ผ้าพันคอ
un gilet = เสื้อกั๊ก
un gant = ถุงมือ
un imperméable = เสื้อกันฝน
une jupe = กระโปรง
une jupette, une mini-jupe = กระโปรงสั้น
une jupe-culotte = กางเกงกระโปรง
un jean = กางเกงยีน
un manteau = เสื้อโอเว่อร์โค๊ต
un maillot (de corps) = เสื้อกล้าม
un maillot de bain (d'une pièce, de deux pièces) = ชุดว่ายนํ้า
un noeud papillon = โบว์เนคไท
un pardessus = เสื้อโอเว่อร์โค๊ต
un pantalon = กางเกงขายาว
un pull(-over) = เสื้อเสวตเตอร์
un polo = เสื้อเชิ๊ตถัก
un pyjama = ชุดนอน
un peignoir (un peignoir de plage) = ชุดใส่อยู่กับบ้าน, ชุดคลุมอาบนํ้า
des pantoufles = รองเท้าใส่ภายในบ้าน
une robe = กระโปรงชุด
une robe du soir = ชุดราตรี
une robe de nuit = ชุดนอนสตรี
une robe de bal = ชุดเต้นรำ
une robe de mariée = ชุดเจ้าสาว
une robe de chambre = ชุดใส่อยู่กับบ้าน
un short = กางเกงขาสั้น
un slip = กางเกงใน
un soutien-gorge = ยกทรง
une salopette = ชุดเอี๊ยม
un smoking = ชุดราตรีสุภาพบุรุษ
des sandales = รองเท้าแตะ
un tee-shirt = เสื้อทีเชิ๊ต
un tricot = เสื้อเสวตเตอร์
un tailleur = ชุดสูทสตรี
une tenue (de soirée, de ville, de sport, de plage) = ชุด
une veste = เสื้อสูท
un veston = เสื้อสูท

วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2550

Bienvenue sur La Poche à Kangourou





Nous sommes heureux de vous accueillir sur notre site dédié au bien-être des bébés grâce à l'écharpe de portage, au hamac pour se reposer et au Baby-Yoyo pour dormir.

Location d'une écharpe de portage pour 10€ / mois
La Poche à Kangourou est heureuse de vous proposer dorénavant la possibilité de louer votre écharpe porte-bébé pour seulement 10€ par mois.

Bienfait de l'écharpe porte bébé !
Grâce à l'écharpe de portage le bébé est bien tenu contre vous et vous avez les deux mains libres ! De plus, contrairement à un porte bébé classique, l'écharpe offre la possibilité de porter son enfant devant, sur la hanche, ou sur le dos, s'adaptant ainsi autant à la taille de l'enfant, de la naissance à 3 ans, qu'à celle du porteur.

Le sac de transport
Le sac de transport est le complément idéal de l'écharpe de portage permettant le rangement de celle-ci lors de vos déplacements avec bébé.

Les hamacs
La Poche à Kangourou vous propose aussi deux types de hamac de qualité (hamacs normaux et Baby-Yoyo) pour que vos enfants puissent se reposer en toute sécurité en retrouvant le bercement tranquillisant du portage en écharpe.

วันพ่อแห่งชาติ



5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทางราชการได้กำหนดให้เป็นวันหยุดราชการหนึ่งวัน เพื่อให้ประชาชนชาวไทย ได้ร่วมกันเฉลิมฉลองในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ ถือเป็นวันพ่อแห่งชาติ อีกวันหนึ่งด้วย วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความเป็นมาของวันสำคัญ คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชสมภพเมื่อ วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ณ โรงพยาบาล เมาท์ ออเบิร์น นครบอสตัน สหรัฐอเมริกา โดยนายแพทย์วิทท์มอร์ เป็นผู้ถวายการประสูติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นรัชกาลที่ 9 แห่งบรมจักรีวงศ์ กรุงรัตนโกสินทร์ ทรงประกอบพระราชกรณียกิจและเจริญพระราชจริยาวัตรเป็นเอนกประการ จำเนียรกาลผ่านมาถึงปัจจุบันที่สุดจะพรรณนาให้ครบถ้วนได้ ท่ามกลางมหาสมาคมวันพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก ทรงมีกระแสพระราชดำรัสที่พสกนิกรทุกคนยังจดจำได้ "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม" อันคำว่าโดย "ธรรม" นั้น ทรงหมายถึง ธรรมอันล้ำเลิศที่เรียกว่า "ทศพิธราชธรรม" หรือที่เรียกกันโดยสามัญว่า "ราชธรรม 10 ประการ" ราชธรรม 10 ประการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงยึดมั่นทรงปฎิบัติโดยเคร่งครัด และส่งผลถึงพสกนิกรทั่วพระราชอาณาจักรนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเหนือเกล้าฯ

วันพ่อแห่งชาติ ได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2523 โดยคุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษาเป็นผู้ริ่เริ่ม หลักการและเหตุผลในการจัดตั้งวันพ่อ โดยที่พ่อเป็นผู้มีพระคุณที่มีบทบาทสำคัญ ต่อครอบครัวและสังคม สมควรที่ผู้เป็นลูกจะเคารพเทิดทูนตอบแทนพระคุณด้วยความกตัญญู และสมควรที่สังคมจะยกย่องให้เกียรติรำลึกถึงผู้เป็นพ่อ จึงถือเอาวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปีซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาเป็น "วันพ่อแห่งชาติ" ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างนานัปการ ทรงเป็นพระราชบิดาของพระราชโอรสและพระราชธิดา ทรงรักใคร่และห่วงใยตั้งแต่พระเยาว์จนถึงปัจจุบัน รวมทั้งพระเจ้าหลานเธอทุกพระองค์ต่างซาบซึ้งและปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณอย่างมิรู้ลืม พระองค์ทรงเป็น "พ่อ" ตัวอย่างของปวงชนชาวไทยที่เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตากรุณา ทรงห่วงใยอย่างหาที่เปรียบมิได้


ความหมายตราสัญลักษณ์





อักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. สีเหลืองนวลทอง อันเป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพ ขลิบรอบตัวอักษรด้วยสีทองบนพื้นสีน้ำเงินเจือทอง อันเป็นสีประจำสถาบันพระมหากษัตริย์ ล้อมด้วยเพชรอันเป็นเอกแห่งรัตนะ หมายว่า เหล่านักปราชญ์ ราชกวีสำคัญ อีกบรรดาช่างอันมีชื่อ พระยาช้างสำคัญ นางงาม เหล่าทแกล้วทหาร ข้าราชบริพาร อันยอดฝีมือในการปฎิบัติราชการอย่างสุจริตยิ่ง เหล่านี้เปรียบด้วยเพชรอันชื่อว่ารัตนะ แวดล้อมประดับพระเกียรติยศ แห่งพระมหากษัตริยาธิราชพระองค์นั้น อันเหนือยิ่งกว่าเพชรอันได้ชื่อว่ารัตนะทั้งปวง คือพระมหากษัตริย์ผู้ทรงสถิตเป็นเพชรอันยอดค่ายิ่งในดวงใจราฎร์ ทรงบำบัดทุกข์ผดุงสุข เป็นที่พึ่งอันเกษมสุขร่มเย็นกว่าปวงพระสกนิกร ซึ่งต่างเชื้อศาสนาในพระราชอาณาจักรของพระองค์

งานเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ พระราชลัญจกรประจำพระองค์ รัชกาลที่ ๙ เป็นภาพพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมราชอาสน์ ประกอบด้วยวงจักรกลางวงจักรมีอักขระเป็นอุณาโลม รอบวงจักรมีรัศมีเปล่งออกโดยรอบ เหนือวงจักรเป็นเศวตฉัตร ๗ ชั้นตั้งอยู่บนพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์อันหมายถึง พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ มีพระบรมเดชานุภาพเป็นใหญ่ในแผ่นดิน โดยในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระองค์ได้ประทับเหนือพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ตามโบราณราชประเพณี และสมาชิกรัฐสภาได้ถวายน้ำอภิเษกจากทิศทั้งแปดเป็นครั้งแรก แทนราชบัณฑิตส่วนพระแท่นลานั้นโรยด้วยดอกพิกุลเงินพิกุลทอง ๙ ดอก พระราชลัญจกรล้อมรอบด้วยเพชร ๘๐ เม็ด หมายถึงพระชนพรรษา ๘๐ พรรษา ด้านบนพระราชลัญจกรเป็นพระมหาพิชัยมงกุฎ อันเป็นเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์ และเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นสมเด็จพระบรมราชาธิราช ภายในพระมหาพิชัยมงกุฎเป็นเลข ๙ หมายถึงรัชกาลที่ ๙ พระมหาพิชัยมงกุฎนั้นอยู่ด้านหน้าพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ซึ่งอยู่กึ่งกลางและขนาบข้างด้วยเศวตฉัตร ๗ ชั้น อันเป็นเครื่องแสดงพระราชอิสริยยศอันยิ่งใหญ่ของพระมหากษัตริย์ ด้านล่างพระราชลัญจกรเป็นเลข ๘๐ หมายถึงพระองค์มีพระชนพรรษา ๘๐ พรรษา ถัดจากเลขไทยลงมาเป็นแพรแถบบอกชื่องาน พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ แพรแถบนอกจากบอกชื่องานพระราชพิธีแล้ว ยังรองรับประคองเศวตฉัตรด้วย

วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2550


The Kiwi Bird
New Zealand's Indigenous Flightless Bird
The Kiwi bird, of the order Apterygiformes-Ratitae, occurs only in New Zealand. Although primarily a bird of New Zealand’s native forests, kiwis also live in scrub and native grasslands. Because the kiwi is a semi-nocturnal, secretive bird, few New Zealanders have seen their national bird in the wild.

The kiwi is the sole survivor of an ancient order of birds including the now extinct moas. A flightless bird about the size of a domestic fowl, the kiwi has coarse, bristly, hair-like feathers. Females are larger than males.

Kiwis grow to about the size of a chicken and weigh between three and nine pounds. They have no tail and tiny two inch wings which for all practical purposes, are useless. Despite its awkward appearance, a kiwi can actually outrun a human and have managed to survive because of their alertness and their sharp, three-toed feet, which enable them to kick and slash an enemy.

The kiwi’s long slender bill has nostrils at the lower end. Using its excellent sense of smell and flexible bill, the kiwi feeds on worms, insects and grubs, supplemented by leaves, berries and seeds. There are five kinds of kiwi in New Zealand - three closely related... Brown Kiwis, the Little Spotted Kiwi and the Great Spotted Kiwi... are pictured at the bottom of the page.

The main breeding period is from late winter to summer. Nests may be in hollow logs, under tree roots, in natural holes or in burrows excavated mainly by the male. Most clutches contain one or two eggs. Eggs are smooth, and coloured ivory or greenish-white. Kiwi eggs are proportionately larger compared to the size of the adult female than the eggs of any other bird. An egg may reach one-quarter of its mother’s weight. After the first egg is laid, the male takes over incubation and nest maintenance. Incubation takes about eleven weeks but if the female returns to lay another egg, the male has to sit on the clutch for a much longer time. Leaving the nest only occasionally, the male’s weight can decrease by up to one third.

พระราชวังสนามจันทร์ ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ห่างจากองค์พระปฐมเจดีย์ไม่ไกลนัก มีเนื้อที่ประมาณ 888 ไร่ 3 งาน 4 ตารางวา เป็นพระราชวังที่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าให้สร้างขึ้นบนบริเวณที่คาดว่าเป็นพระราชวังเก่าของกษัตริย์สมัยโบราณที่เรียกว่า เนินปราสาท เพื่อเป็นสถานที่ประทับครั้งมานมัสการองค์พระปฐมเจดีย์และเมื่อบ้านเมืองถึงยามวิกฤต

พระราชวังใช้เวลาก่อสร้างนาน 4 ปี โดยมี หลวงพิทักษ์มานพ (น้อย ศิลปี) ซึ่งต่อมาได้รับโปรดเกล้าฯเลื่อนยศเป็นพระยาวิศุกรรม ศิลปประสิทธิ์ เป็นแม่งาน และสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2450 เมื่อสร้างแล้วเสร็จจึงได้พระราชทานนามว่า "พระราชวังสนามจันทร์" ตามชื่อสระน้ำโบราณหน้าโบสถ์พราหมณ์ (ปัจจุบันไม่มีโบสถ์พราหมณ์เหลืออยู่แล้ว) สระน้ำจันทร์ หรือ สระบัว

ในปัจจุบัน พระราชวังสนามจันทร์อยู่ในความดูแลของสำนักพระราชวัง โดยเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2546 คณะกรรมการอำนวยการบูรณะพระราชวังสนามจันทร์ ซึ่งมีสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นองค์ประธาน ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย นายนาวิน ขันธหิรัญ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม และมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ลิขิต กาญจนาภรณ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ได้น้อมเกล้าฯ ถวายคืนพระราชวังสนามจันทร์แก่สำนักพระราชวัง [1]